Bitget App
เทรดอย่างชาญฉลาดกว่าที่เคย
ซื้อคริปโตตลาดเทรดFuturesCopyบอทเทรดEarn

การเข้ารหัส

share

Cryptography (วิทยาการเข้ารหัสลับ) คืออะไร

Cryptography (วิทยาการเข้ารหัสลับ) คือการปฏิบัติและการศึกษาเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยข้อมูลโดยการแปลงเป็นรูปแบบที่ผู้ที่มีรหัสหรือรหัสผ่านที่เหมาะสมเท่านั้นที่สามารถอ่านได้ คำนี้มาจากคำภาษากรีก “Kyptos” แปลว่าซ่อนเร้นหรือเป็นความลับ และ “Graphein” แปลว่าเขียน ศาสตร์แห่งการเข้ารหัสและถอดรหัสข้อมูลนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลที่ละเอียดอ่อนยังคงเป็นความลับและได้รับการปกป้องจากการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยพื้นฐานแล้ว Cryptography (วิทยาการเข้ารหัสลับ) จะแปลงข้อมูลที่อ่านได้ (ข้อความธรรมดา) ให้อยู่ในรูปแบบที่อ่านไม่ได้ (ข้อความเข้ารหัส) และในทางกลับกัน ช่วยให้เกิดการสื่อสารที่ปลอดภัยผ่านช่องทางที่อาจไม่ปลอดภัย

Cryptography (วิทยาการเข้ารหัสลับ) เป็นพื้นฐานในโลกของคริปโทเคอร์เรนซี ช่วยให้มั่นใจในความสมบูรณ์และความปลอดภัยของธุรกรรม ช่วยให้สกุลเงินดิจิทัล เช่น Bitcoin (BTC) และ Ethereum (ETH) สามารถทำงานได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้หน่วยงานส่วนกลาง เช่น ธนาคาร ด้วยการใช้เทคนิคการเข้ารหัสลับ คริปโทเคอร์เรนซีจะรักษาลักษณะการกระจายศูนย์ของตนไว้ ทำให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมโดยตรงกับบุคคลอื่นได้อย่างปลอดภัยและไม่เปิดเผยตัวตน

Cryptography (วิทยาการเข้ารหัสลับ) ทำงานอย่างไร

Cryptography (วิทยาการเข้ารหัสลับ) ทำงานโดยใช้อัลกอริทึมทางคณิตศาสตร์และ Key เพื่อเข้ารหัสและถอดรหัสข้อมูล ระบบการเข้ารหัสมี 2 ประเภทหลัก: สมมาตร (Symmetric) และอสมมาตร (Asymmetric) ในการเข้ารหัสแบบสมมาตร (Symmetric Cryptography) Key เดียวกันจะใช้สำหรับทั้งการเข้ารหัสและการถอดรหัส ซึ่งหมายความว่าทั้งสองฝ่ายจำเป็นต้องแบ่งปันและเก็บ Key นี้ไว้เป็นความลับ วิธีการนี้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ แต่ต้องใช้วิธีที่ปลอดภัยในการแลกเปลี่ยน Key

การเข้ารหัสแบบอสมมาตร (Asymmetric Cryptography) หรือที่เรียกว่าการเข้ารหัส Public Key ใช้ Key คู่หนึ่ง: Public Key และ Private Key Public Key จะถูกแชร์อย่างเปิดเผยและใช้ในการเข้ารหัสข้อมูล ในขณะที่ Private Key จะถูกเก็บเป็นความลับและใช้ในการถอดรหัสข้อมูล วิธีการนี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยเนื่องจากไม่จำเป็นต้องแชร์ Private Key ในคริปโทเคอร์เรนซี การเข้ารหัสแบบอสมมาตรจะใช้เพื่อสร้างลายเซ็นดิจิทัลและการทำธุรกรรมที่ปลอดภัย ผู้ใช้แต่ละคนมี Private Key ที่ลงนามในธุรกรรม โดยเป็นหลักฐานว่าธุรกรรมนั้นริเริ่มโดยพวกเขา

การเข้ารหัส Public และ Private Key มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาธรรมชาติของคริปโทเคอร์เรนซีที่ “ไม่ต้องอาศัยความไว้วางใจ (Trustless)” เมื่อทำธุรกรรม ตัวธุรกรรมจะได้รับการเซ็นด้วย Private Key ของผู้ส่ง และใครก็ตามที่มี Public Key ของผู้ส่งสามารถตรวจสอบความถูกต้องของลายเซ็นได้ เพื่อให้แน่ใจว่าธุรกรรมจะไม่ถูกดัดแปลงและผู้ส่งให้อนุญาตจริงๆ

อีกแง่มุมที่สำคัญของ Cryptography (วิทยาการเข้ารหัสลับ) ในคริปโทเคอร์เรนซีคือการใช้ฟังก์ชัน Hash ฟังก์ชัน Hash รับ Input (หรือ “ข้อความ”) และส่งกลับ String ข้อมูลไบต์ที่มีขนาดคงที่ Output ที่เรียกว่า Hash นั้นจะปรากฏขึ้นแบบสุ่ม แต่การเปลี่ยนแปลงใดๆ ใน Input จะทำให้เกิด Hash ที่แตกต่างกันอย่างมาก คริปโทเคอร์เรนซีใช้ฟังก์ชัน Hash เพื่อรักษาความปลอดภัยข้อมูลธุรกรรมภายในบล็อกเชน ตัวอย่างเช่น Bitcoin ใช้ฟังก์ชัน Hash SHA-256 เพื่อรักษาความปลอดภัยบล็อกธุรกรรม ทำให้ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงบล็อกเชนโดยไม่ถูกตรวจพบได้ในเชิงการประมวลผล

โดยสรุป Cryptography (วิทยาการเข้ารหัสลับ) เป็นเทคโนโลยีสำคัญในการปกป้องข้อมูล อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมที่ปลอดภัย และสนับสนุนลักษณะที่ไม่ต้องอาศัยความไว้วางใจ (Trustless) ของคริปโทเคอร์เรนซี บทบาทของ Cryptography ในโลกดิจิทัลเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ทำให้เป็นแนวคิดพื้นฐานสำหรับทุกคนที่สนใจทำความเข้าใจว่าคริปโทเคอร์เรนซีทำงานอย่างไร

register_login
นำความรู้ของคุณไปลองปฏิบัติจริงด้วยการเปิดบัญชี Bitget วันนี้เลย
ลงทะเบียนเลย
มีบัญชีอยู่แล้วใช่ไหมเข้าสู่ระบบ
ดาวน์โหลดแอป
ดาวน์โหลดแอป